บทความโดย ดร. โทนี่ ฟิลลิปส์, Science@NASA
แปลโดยนายแปซิฟิก
วันที่ 30 สิงหาคม พศ 2555 - เมื่อใดที่มีใครกล่าวว่า Once in a Blue Moon คุณจะทราบได้ว่าพวกเขาหมายถึง เรื่องที่นานๆทีจะเกิด ไม่ค่อยเกิด หรือแม้แต่เป็นเหตุการณ์ประหลาดเลยทีเดียว
ปีนี้เรื่องประหลาดนี้ เกิดในวันที่ 31 สิงหาคมนี้ เพราะจะเป็นวันที่พระจันทร์เต็มดวงเป็นครั้งที่สองในเดือนนี้ เรามีพระจันทร์เต็มดวงไปแล้วช่วงวันที่ 1-2 สิงหาคมที่ผ่านมา และพระจันทร์เต็มดวงหนที่สองจะเกิดขึ้นในวันที่ 31 สิงหาคมนี้ ซึ่งตามคติความเชื่อของชาวบ้านยุคนี้ เมื่อมีพระจันทร์เต็มดวงสองครั้งในเดือนเดียว ครั้งที่สองจะเรียกว่า พระจันทร์สีน้ำเงิน หรือ Blue moon
จากเพลงของ เอลวิส เพรสลีย์ "บูลมูน(พระจันทร์สีน้ำเงิน)....เธอเห็นฉันยืนเดียวดาย ไม่มีแม้ฝันในใจ แม้รักของฉันยังจากไป" ในบทเพลงและวรรณกรรม บูลมูน เป็นสัญลักษณ์ของการอกหักรักคุด ความทุกข์ระทม เอลวิส ได้สร้างบรรทัดฐานของเรื่องอกหักกับพระจันทร์ไว้ในเพลงดังของเขา "Blue Moon".
แต่ว่าพระจันทร์ที่ทุกข์ระทมในวันที่ 31 สิงหาคม นี้จะเป็นสีน้ำเงินหรือเปล่าล่ะ คำตอบก็คือก็คงจะไม่หรอก
บูลมูนส่วนใหญ่จะออกสีเทาซีดและขาวซีด ดูไม่ได้แตกต่างไปจากพระจันทร์ในวันอื่นที่เคยเห็นกัน การที่อัดวันพระจันทร์เต็มดวงครั้งที่สองเข้าไปในเดือนเดียว ไม่ได้ทำให้ลักษณะทางกายภาพของพระจันทร์เปลี่ยนแปลงไปแต่อย่างใด สีของมันยังคงเหมือนเดิม
แต่ก็มีคำเตือนเอาไว้สักหน่อยว่า ในบางกรณี นานๆครั้ง ก็มีการเปลี่ยนสีเกิดขึ้นได้
พระจันทร์ที่สีน้ำเงินจริง ตรงตัวกับคำแปลของ Blue Moon มักจะต้องมีการระเบิดของภูเขาไฟขึ้นไปพร้อมกัน ย้อนไปปี ค.ศ. 1883 เป็นตัวอย่าง ชาวบ้านเห็นพระจันทร์สีน้ำเงิน เกือบทุกคืน ภายหลังจากภูเขาไฟกรากะตั้วระเบิด รุนแรงเท่ากับระเบิดนิวเคลียร์ 100 เมกะตัน พวยขี้เถ้าลอยขึ้นไปในชั้นบรรยากาศโลกระดับบนๆ ทำให้พระจันทร์ เห็นเป็นสีน้ำเงิน
ขี้เถ้าจากภูเขาไฟกรากะตั้วคือต้นเหตุ เพราะพวยควันบางส่วนเต็มไปด้วยอนุภาคขนาด 1 ไมครอน ซึ่งเกือบเท่าความยาวของคลื่นแสงสีแดง อนุภาคที่มีขนาดพิเศษนี้ไปกระเจิงแสงสีแดง ทำให้มีเพียงแสงสีน้ำเงินผ่านมาได้ เถ้าควันจากกรากะตั้วนั้นทำตัวเสมือนฟิลเตอร์แสงสีน้ำเงินให้พระจันทร์
ชาวบ้านเห็นพระจันทร์สีน้ำเงินทั่วไป ในปี ค.ศ. 1983 หลังจากการปะทุของภูเขาไฟ เอล ชิชน ในเม็กซิโก แล้วก็มีรายงานเรื่องพระจันทร์สีน้ำเงินอีกหลายครั้ง จากการปะทุของเมาท์เฮเลน ในปี 1980 และเมาท์ ปินาทูโบ ในปี 1991
ไฟป่าบางครั้ง ก็ทำให้เกิดปรากฏการณ์นี้ได้ ตัวอย่างที่เป็นที่รู้จักคือไฟป่าครั้งใหญ่ที่มัสเคจ ในปี 1953 ในจังหวัดแอลเบอร์ต้า ของแคนาดา เมฆควันประกอบด้วยละอองน้ำมันขนาดหนึ่งไมครอน ก่อให้เกิด พระอาทิตย์สีม่วง และพระจันทร์สีน้ำเงินไปทั่วอเมริกาเหนือและอังกฤษ
ช่วงเดือนที่อากาศร้อนและแห้งในอเมริกา จะมีไฟป่าหลายต่อหลายครั้ง หากว่าไฟป่าคราวใดเกิดสร้างควันที่มีอนุภาคขนาดหนึ่งไมครอนมากสักหน่อย พระจันทร์ก็กลายเป็นสีน้ำเงินจริงๆ
ในบางกรณีพระจันทร์อาจเปลี่ยนเป็นสีแดงก็ได้ หลายครั้งที่พระจันทร์ลอยต่ำ มันจะมีสีแดงด้วยสาเหตุเดียวกับที่เราเห็นพระอาทิตย์ตก ชั้นบรรยากาศเต็มไปด้วยสารระเหยที่มีขนาดเล็กกว่าที่ขี้เถ้าปล่อยออกมาจากภูเขาไฟ หากวัดจะมีขนาดเล็กกว่าหนึ่งไมครอน ก๊าซเหล่านี้จะกระเจิงแสงสีน้ำเงิน แล้วปล่อยเพียงสีแดงออกมา ด้วยเหตุนี้ บูลมูนสีแดง จึงมีให้เห็นได้บ่อยกว่าบูลมูนสีน้ำเงิน
ฟังแล้วประหลาดดีไหม? ก็แน่นอนล่ะก็เรื่องบูลมูนมันประหลาดอยู่แล้วนี่ คืนวันที่ 31 สิงหาคมนี้ ลองเดินออกไปนอกบ้านแล้วมองไปทางทิศตะวันออก ที่พระจันทร์ขี้น แล้วรอดูว่าพระจันทร์จะมีสีอะไร

ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น